แมวเปอร์เซีย เจ้าเหมียวยอดนิยม นิสัยและวิธีการเลี้ยง

แมวเปอร์เซียนั้นเป็นสายพันธุ์แมวที่มีคนนิยมเลี้ยงมากที่สุดในโลก เนื่องจากความน่ารักและขนที่สวยงามของมัน หากคุณเป็นคนที่ชอบเลี้ยงแมวมา และกำลังมองหาแมวที่มีสายพันธุ์ดี สวยงาม และเป็นที่นิยม แมวเปอร์เซียนั้นก็เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคุณค่ะ แต่ก่อนที่จะเลี้ยงแมวสักตัว คุณต้องรู้จักนิสัยและความต้องการของมัน รวมถึงวิธีการดูแลเสียก่อน จึงจะทำให้คุณสามารถเลี้ยงมันได้อย่างมีความสุข และส่งผลให้แมวนั้นมีสุขภาพดีอีกด้วยค่ะ

ประวัติและถิ่นกำเนิดของแมวเปอร์เซีย
ถิ่นกำเนิดของแมวเปอร์เซียอยู่ในแถบเปอร์เซียหรือประเทศตุรกี และอิหร่านในปัจจุบัน แมวเปอร์เซียนั้นเป็นที่รู้จักและเป็นสัตว์ที่นิยมเลี้ยงกันในประเทศต่าง ๆ ในทวีปยุโรปและเอเชียเป็นระยะเวลานานเกือบร้อยปีแล้ว สำหรับในประเทศไทยนั้น แมวพันธุ์เปอร์เซียถือว่าเป็นแมวสายต่างประเทศพันธุ์แรกที่ถูกเผยแพร่ค่ะ

ลักษณะรูปร่างและนิสัยของแมวเปอร์เซีย 
แมวเปอร์เซียนั้นมีขนาดกลาง กระดูกมีขนาดใหญ่และแข็งแรงมาก ลำตัวมีหลากหลายสี เช่น สีเทา สีน้ำตาล สีขาว เป็นต้น ดวงตากลมโต มีสีเขียวหรือสีเขียวอมน้ำเงิน หางสั้น ขนยาวและฟู บริเวณศีรษะและหน้ามีลักษณะกลม ลำตัวและช่วงขาสั้น
แมวเปอร์เซียมีหน้าตาน่ารัก มีนิสัยน่ารัก เข้ากับผู้คนได้ง่าย อ่อนโยน ร่าเริง รักเจ้าของ ชอบอ้อนและประจบเจ้าของ เป็นแมวที่ซุกซนมาก ชอบปีนป่ายไปในที่ต่าง ๆ


อาหารของแมวเปอร์เซีย
การให้อาหารสำหรับแมวเปอร์เซียนั้น ก็เหมือนกับการให้อาหารแมวทั่วไป คือ “อาหารแห้ง” ซึ่งก็คืออาหารเม็ดนั่นเอง และ “อาหารเปียก” ซึ่งมักจะมาในรูปแบบซองหรือกระป๋องนั่นเอง การให้อาหารนั้นควรคำนึงถึงสารอาหารที่แมวได้รับว่าเพียงพอหรือไม่ และควรให้อาหารในปริมาณที่พอดี การให้อาหารทุกครั้งจะต้องเตรียมน้ำดื่มที่สะอาดให้มันด้วย
ในกรณีที่แมวเปอร์เซียกินอาหารในปริมาณน้อยหรือเบื่ออาหารเม็ด คุณต้องพิจารณาก่อนว่าอาหารเม็ดนั้นมีคุณภาพหรือไม่ อาหารเม็ดที่ดีนั้นควรที่จะช่วยย่อยหรือลำเลียงอาหารสู่กระเพาะได้สะดวกมากขึ้น หากคุณได้เลือกอาหารที่มีคุณภาพแล้ว แมวยังเบื่ออาหาร เรามีวิธีแก้ไข ดังนี้

  • ให้อาหารปริมาณน้อยลง หากคุณสังเกตว่าแมวเปอร์เซีย กินอาหารในปริมาณน้อยลง อาจเป็นไปได้ว่าแมวเบื่ออาหาร ดังนั้น คุณควรให้อาหารในปริมาณน้อยลง คอยสังเกตจำนวนอาหารที่ให้และอาการของแมวอยู่เสมอ 
  •  ผสมอาหารเม็ดและอาหารเปียกเข้าด้วยกัน หากให้อาหารเม็ดที่มีคุณภาพ และดีต่อการลำเลียงอาหารแล้ว แมวก็ยังกินอาหารไม่หมด หรือไม่กินอาหาร คุณอาจลองผสมอาหารเปียกกับอาหารแห้งเข้าด้วยกัน กลิ่นและรสของอาหารเปียกนั้นจะทำให้แมวชอบมากกว่าอาหารแห้งแน่นอน เนื่องจากอาหารเปียกมีการใส่เนื้อสัตว์ผสมลงไปบ้าง ทำให้ได้กลิ่นและที่แท้จริง  
  •  ให้แมวกินอาหารเปียกแทน  วิธีนี้อาจจะทำให้คุณต้องเสียเงินมากกว่าการให้อาหารแห้ง เนื่องจากอาหารเปียกนั้นมีราคาแพง แต่ได้ผลดี เนื่องจากอาหารเปียกนั้นมีรสชาติและกลิ่นที่ดี ทำให้แมวอยากอาหาร หากแมวกินน้อย คุณต้องจัดการสัดส่วนของอาหาร และเก็บส่วนที่เหลือไว้ในตู้เย็นแทน
แต่ข้อเสียของการใช้อาหารเปียก คือ มีราคาแพงกว่าอาหารแห้ง และหมดอายุไวกว่าอาหารแห้ง ดังนั้น คุณควรใช้อาหารเปียกอย่างระมัดระวัง และหมั่นสังเกตวันหมดอายุอยู่เสมอ หากสุนัขของคุณกินน้อย คุณควรแบ่งสัดส่วนของอาหารให้พอดี เพราะอาจปล่อยไว้นาน เมื่อสุนัขมากิน อาจทำให้ลำไส้ของมันมีปัญหาได้



ข้อควรปฏิบัติสำหรับการดูแลแมวเปอร์เซียให้สุขภาพดี มีดังนี้
  •  ควรพามันออกกำลังกายบ้าง การปล่อยให้แมวอ้วนไม่ใช่ส่งที่ดีเท่าไหร่ เพราะอาจจะมีผลต่อระบบหัวใจและปอดของมันได้ และที่สำคัญ แมวสายพันธุ์เปอร์เซียนั้นชอบการเคลื่อนไหวร่างกาย ชอบการปีนป่ายอยู่แล้ว การให้มันเดินออกกำลังกายบ้าง ก็คงจะดีไม่น้อย แต่อย่าให้มันออกกำลังกายหนักมากเกินไป 
  • นอกจากออกกำลังกายแล้ว คุณควรควบคุมปริมาณอาหารที่มันกินในแต่ละมื้ออาหารด้วย เพราะการให้อาหารมากไป ก็เป็นสาเหตุของความอ้วนเช่นเดียวกัน
  •  แปรงขนให้มันบ่อย ๆ เนื่องจากแมวเปอร์เซียนั้นมีขนหนาและยาว  การแปรงขน ก็จะช่วยให้มันมีขนที่เรียบสวย นุ่ม ไม่พันกัน และไม่หลุดร่วงง่ายอีกด้วย ขนที่สวยงามของมันก็ส่งเสริมให้บุคลิกของมันดีขึ้น ดังนั้น คุณควรแปรงขนให้มันทุกวัน 
  • ตกแต่งดูแลขนของมันบ้าง เนื่องจากแมวเปอร์เซียมีขนที่ยาวและหนา เมื่อถึงฤดูร้อน อากาศที่ร้อนอบอ้าว นอกจากจะทำให้แมวหงุดหงิดแล้ว ยังทำให้แมวไม่สบายตัวอีกด้วย คุณควรตัดขนมันออกบ้าง เพื่อให้มันสบายตัวมากขึ้น 
  •  การอาบน้ำให้แมว คุณควรอาบน้ำให้แมวบ่อย ๆ  เนื่องจากแมวเปอร์เซียนั้นมีขนยาวและหนา เมือสัมผัสสิ่งสกปรกจะทำให้เลอะเทอะง่ายอีกด้วย หากเลือกผลิตภัณฑ์อาบน้ำให้แมว ควรเลือกแบบที่บำรุงขนของมันด้วย การอาบน้ำแมว ควรทำเดือนละ 1 ครั้ง   


แมวสายพันธุ์เปอร์เซียนั้นเป็นแมวที่มีขนหนา และมีบุคลิกน่ารักแต่ซุกซน คุณจึงควรมีความรู้ในเรื่องเทคนิคการดูแลมันให้มีความสุขและมีสุขภาพดี หวังว่าความรู้เบื้องต้นนี้จะช่วยทำให้คุณสามารถเลี้ยงแมวและอยู่ร่วมกับมันได้อย่างมีความสุขนะคะ

วิธีเลี้ยง ปลาคาร์ฟ ปลาสีสันสวยงามสายพันธุ์แรกของโลก

การเลี้ยงปลาในประเทศไทยนั้นนิยมเลี้ยงเพื่อการประมงเป็นส่วนใหญ่ ในสมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน  จะเห็นได้ว่าปลาที่คนไทยรับประทานนั้นมีหลายพันธุ์ ว่าจะเป็นปลาทับทิม ปลาทู ปลาช่อน เป็นต้น คนไทย เลี้ยงปลาไว้เพื่อรับประทานมากกว่าการเลี้ยงไว้ดูเล่นหรือเพื่อความสวยงาม  แต่ปัจจุบันคนไทยได้รู้จักกับปลา สายพันธุ์ต่างประเทศมากขึ้น และปลาคาร์ฟก็เป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่คนไทยเลี้ยงไว้เพื่อดูความสวยงาม


ประวัติและถิ่นกำเนิดของปลาคาร์ฟ
ปลาคาร์ฟเป็นปลาสายพันธุ์แรกของโลก มีต้นกำเนิดมาจากปลาไน ซึ่งต้นกำเนิดที่แท้จริงของปลาคาร์ฟหรือปลาไน นั่นก็คือ ประเทศอิหร่าน นั่นเอง  ต่อมาได้มีการเลี้ยง ศึกษาและเพาะพันธุ์ที่ประเทศจีน ต่อมาได้เลี้ยงในทวีปยุโรปตะวันออกในบางภูมิภาค ส่วนในประเทศไทยนั้นมีการเลี้ยงครั้งแรกในกรุงเทพมหานคร โดยรู้จักจากชาวจีนที่นำปลาคาร์ฟมาเลี้ยงเพื่อเป็นอาหาร ปัจจุบันได้มีการนำมาศึกษาและได้มีการเพาะพันธุ์อยู่ทั่วแทบทุกประเทศในมุมโลกเลยก็ว่าได้

นอกจากนี้ ปลาคาร์ฟยังเป็นสัตว์เลี้ยงพื้นเมืองของประเทศจีนและญี่ปุ่น ในปัจจุบันคนรุ่นใหม่จะรู้จักปลาคาร์ฟว่าเป็นปลาที่คนญี่ปุ่นเลี้ยงอีกด้วย เนื่องจากมีประเพณีและวัฒนธรรมของคนญี่ปุ่นที่เกี่ยวข้องกับปลาคาร์ฟได้อย่างเด่นชัด เรียกได้ว่า ปลาคาร์ฟเป็นสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่น เลยก็ว่าได้ ภายหลังคนญี่ปุ่นก็ได้พัฒนาสายพันธุ์ปลาคาร์ฟ จนเกิด “ปลาคาร์ฟแฟนซี” อย่างที่เราเห็นกันในปัจจุบันนั่นเอง

ความเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมและวิถีชีวิตชาวญี่ปุ่น
  • การรับประทานปลาคาร์ฟ  ปลาคาร์ฟนั้นเป็นปลาพื้นเมืองของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งคนญี่ปุ่นนิยมเลี้ยงตั้งแต่สมัยโบราณ ก็คือ ยุคเอโดะ จนถึงยุคปัจจุบัน คนญี่ปุ่นมีความเชื่อว่า ปลาคาร์ฟนั้นเป็นปลามงคล เมื่อได้รับประทานแล้วชีวิตจะมีแต่ความเป็นศิริมงคล
  • ธงปลาคาร์ฟ ธงปลาคาร์ฟ เป็นสัญลักษณ์ของวันเด็กผู้ชายในประเทศญี่ปุ่น มีความเชื่อว่า หากบ้านใดมีเด็กผู้ชาย ให้ประดับธงปลาคาร์ฟ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแรง วันเด็กผู้ชายญี่ปุ่นนั้น ตรงกับวันที่ 5 พฤษภาคม ของทุกปี
  • บริเวณสวนของคนญี่ปุ่นนิยมเลี้ยงปลาคาร์ฟ สวนของคนในประเทศญี่ปุ่นมักมีการปลูกต้นไม้โดยรอบ ทำให้ดูร่มรื่น สบายตา อีกทั้งบางที่ยังจัดเป็นสวนน้ำหรือสระน้ำด้วย บางบ้านอาจจัดพื้นที่ขนาดใหญ่ไว้เพื่อเลี้ยงปลาคาร์ฟปริมาณมาก หรือเป็นการเลี้ยงแบบเป็นกลุ่มหลาย ๆ ตัว การเลี้ยงปลาคาร์ฟนั้นจะช่วยเพิ่มความสวยงามและสีสันให้กับสวนญี่ปุ่นเป็นอย่างดีเลยล่ะค่ะ



ลักษณะรูปร่างของปลาคาร์ฟ
ปลาคาร์ฟเป็นปลาที่อาศัยอยู่ในน้ำจืด มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Cyprinus carpio  มีชื่อสามัญว่า carp หรือ common carp นั่นเอง บางคนอาจเรียกมันว่า “ปลาไน” เนื่องจากเชื่อว่ามันพัฒนาสายพันธุ์มาจากปลาไนนั่นเอง เพียงแต่มันมีสีสันที่สวยงามและสดใสขึ้นเท่านั้น สำหรับลักษณะทางกายภาพ หรือลักษณะทางรูปร่างของมัน คือ ตัวป้อม มีหลากหลายสี เช่น แดง ขาว น้ำเงิน เป็นต้น มีหนวดขนาดสั้น 2 คู่ ขนาดปลาเมื่อโตเต็มที่ยาวประมาณ 1.5 เมตร สามารถวางไข่ได้ทุกฤดู

อาหารของปลาคาร์ฟ
การให้อาหารสำหรับปลาคาร์ฟนั้น ควรคำนึงถึงเวลาการให้เวลาเป็นหลัก คือ ควรให้อาหาร 2 เวลาต่อวัน คือ เช้าและเย็น เท่านั้น อาหารที่ให้ปลาคาร์ฟกินได้ มีทั้งพืชและเนื้อสัตว์ ยกตัวอย่างเช่น สาหร่าย ตะไคร่น้ำ ขนมปัง หรือให้เนื้อสัตว์จำพวก กุ้ง หอย  หมึก เป็นต้น หรือจากใครที่ไม่สะดวกที่จะซื้อหาเนื้อและ ผักนั้น ก็สามารถให้ปลากินตะไคร่น้ำแทนได้บ้าง อาหารที่ผู้คนนิยมให้ปลานั้น มีอยู่ 2 ประเภท ก็คือ การให้ ขนมปัง และการให้อาหารเม็ดนั่นเอง สำหรับการให้อาหารเม็ด คุณควรเลือกอาหารเม็ดที่มีสารอาหารครบถ้วน  และควรเลือกอาหารปลาที่มีคุณสมบัติพิเศษที่ช่วยรักษาหรือบำรุงสีของปลาให้สดใสอยู่เสมอด้วยค่ะ  อาหารเม็ดนั้นเป็นอาหารประเภทที่หาได้ง่ายที่สุด แต่ต้องเลือกให้เหมาะสมกับปลานั่นเอง

การเตรียมตัวเลี้ยงปลาคาร์ฟ มีสิ่งที่ต้องเตรียมไว้และสิ่งที่ต้องคำนึงถึง ดังนี้
  • สถานที่ในการเลี้ยงปลา จะต้องมีความกว้างพอสมควร ต้องมีขนาด 80 x 120 ลึก 50 เซนติเมตร เนื่องจากการเลี้ยงปลาคาร์ฟนั้นนิยมการเลี้ยงเป็นฝูง เริ่มจากการนำปลาขนาดเล็กมาเลี้ยงไว้ในบ่อ ไม่ควรใช้ปลาที่โตแล้ว อาจจะทำให้มันปรับสภาพไม่ทัน 
  • ควรใช้น้ำประปาในการเลี้ยง ไม่ควรใช้น้ำคลอง หรือน้ำฝน เนื่องจากน้ำประปาเป็นน้ำที่สะอาดและมีสภาพเป็นกลาง แต่ควรเก็บไว้นานประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้สารคลอรีนระเหยจนหมดไป ควรสังเกตสี และความขุ่นของน้ำด้วย หากน้ำสกปรกหรือขุ่นมากควรจะเปลี่ยนทันทีค่ะ
  • เครื่องปรับสภาพน้ำ น้ำมีความสำคัญต่อชีวิตของปลามากนะคะ ดังนั้นระบบการหมุนเวียนและออกซิเจนในน้ำต้องดี ควรติดตั้งเครื่องหมุนเวียนน้ำและเพิ่มออกซิเจนให้ในบ่อน้ำของปลาด้วย ที่สำคัญ ควรให้มีตะไคร่ในบ่อด้วย ซึ่งจัดเป็นอาหารตามธรรมชาติของปลาคาร์ฟนั่นเองค่ะ

ปลาคาร์ฟเป็นปลาที่มีสีสันที่สวยงามมาก และเป็นปลาที่นิยมเลี้ยงกันอยู่ทั่วทุกมุมโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย หากคุณต้องการเลี้ยงปลาคาร์ฟต้องใส่ใจในเรื่องระบบน้ำนะคะ



ไก่ชน ไก่พื้นเมืองไทย สายพันธุ์นักสู้ เผยวิธีการเลี้ยง

บทความนี้มาว่าด้วยเรื่องของไก่กันค่ะ ไก่ที่คนไทยรู้จักนั้นมีหลากหลายสายพันธุ์ ยกตัวอย่างเช่น ไก่แจ้ ไก่อู เป็นต้น “การชนไก่” นั้น เป็นการละเล่นพื้นบ้านที่มีอยู่อย่างแพร่หลาย ในประเทศไทยไก่ชนเป็นที่นิยมเล่นกันในบริเวณภาคกลางและภาคใต้ คุณทราบหรือไม่ ? ว่าไก่ชนนั้นต้องได้รับการคัดเลือก และผ่านการฝึกให้ต่อสู้กับไก่ตัวอื่นได้ หากคุณอยากจะเลี้ยงไก่ชนคุณต้องศึกษาวิธีการเลี้ยง การฝึกฝนให้เผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ รวมถึงรักษาอาการบาดเจ็บจากการต่อสู้ของไก่ชนได้ด้วย ถ้าหากคุณพร้อมแล้ว มาดูประวัติความเป็นมาของไก่ชนกันก่อนดีกว่าค่ะ

ประวัติและถิ่นกำเนิดของไก่ชน 
การกำเนิดของการละเล่นหรือการแข่งขันไก่ชนนั้นในยุโรปมีมาตั้งแต่ยุคโรมันมาจนถึงปัจจุบัน ส่วนการแข่งขันไก่ชนในประเทศไทยนั้น นิยมเริ่มเล่นกันในสมัยสุโขทัยจนถึงปัจจุบัน สะท้อนให้เห็นว่าการแข่งขันหรือการละเล่นไก่ชนนั้นมีมานานำแล้วตั้งแต่สมัยโบราณและยังคงสืบทอดอย่างต่อเนื่องมาจนถึงยุคสมัยปัจจุบัน

การละเล่นไก่ชนนั้น เชื่อว่าได้รับความนิยมและแพร่หลายมาจากประเทศอินเดีย ต่อมาได้ขยายไปสู่ทั่วโลก ซึ่งประเทศในทวีปเอเชียของเรานั้นมีประเทศที่นิยมเลี้ยงไก่ชนกัน ได้แก่ ประเทศไทย ลาว กัมพูชา มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย นั่นเองค่ะ  สำหรับประเทศไทยในปัจจุบัน ผู้คนนิยมที่จะนิยมเลี้ยงไก่ชนนั้น คือ ทางภาคกลางและภาคใต้นั่นเอง

ประเภทของการเลี้ยงไก่ชนนั้นแบ่งได้เป็น 2 ประเภท ดังนี้
  •  เลี้ยงไก่ชนไว้เพื่อการต่อสู้หรือการแข่งขัน เนื่องจากประเทศไทยมีการละเล่นไก่ชนมาแต่โบราณ ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น ดังนั้น สาเหตุหลักที่ทำให้ผู้คนเลี้ยงไก่ชนก็คือ การนำมาใช้ต่อสู้กับไก่ตัวอื่นนั่นเอง ซึ่งการเลี้ยงไก่ชน ต้องได้รับการฝึกฝนการต่อสู้และการดูแลมากกว่าไก่ประเภทอื่น ๆ ด้วยการเลี้ยงไก่ชน นอกจากจะเลี้ยงไว้เพื่อการแข่งขันหรือการต่อสู้แล้ว ยังสามารถนำมาเลี้ยงไว้เพื่อความสวยงามอีกด้วย เนื่องจากไก่ชนนั้นมีลักษณะของร่างกายที่ดูสง่า เช่น บริเวณขาและเท้าที่แข็งแรง สีของขนมีความสวยงาม ขนบริเวณหางใหญ่และหนา เป็นต้น
  • เลี้ยงไก่ชนเพื่อนำไปใช้บริโภค นอกจากจะใช้ในการแข่งขันและต่อสู้แล้ว ชาวบ้านยังนำเอาไก่ชนมาบริโภคอีกด้วย โดยปกติแล้ว เมื่อมีการแข่งขันไก่ชน ก็จะมีผู้แพ้และผู้ชนะ บางครั้งก็มีการนำไก่ตัวที่แพ้ ไปเชือดและนำไปรับประทานอีกด้วย ตามการละเล่นในท้องถิ่น


ข้อควรปฏิบัติในการเลี้ยงไก่ชน มีดังนี้
  • ควรตรวจสภาพร่างกายของไก่ชนเสมอ การเลี้ยงไก่ชนเพื่อการแข่ง ก็เปรียบไก่ชนเป็นเหมือนนักกีฬาคนหนึ่ง หากถึงวันแข่งแล้วสภาพร่างกายไม่พร้อม เจ็บป่วย ได้รับการฝึกฝนไม่เพียงพอ ก็จะทำให้แพ้การแข่งขันครั้งนั้นได้ ไก่ชนก็เช่นกัน การตรวจสภาพร่างกายไก่ชนว่ากำลังบาดเจ็บอยู่หรือไม่ ไม่สบายอยู่หรือเปล่า หากนำไก่ที่สภาพร่างกายไม่ดี ก็จะทำให้เสียเชิงและเสียเปรียบคู่ต่อสู้ได้
  • ศึกษาขั้นตอนในการเลี้ยงไก่และชนไก่อย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากวิธีการเลี้ยงและฝึกหัดให้ไก่ชนมีร่างกายแข็งแรงพร้อมต่อสู้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย คุณควรเตรียมตัวให้พร้อม ศึกษาวิธีการที่จะทำอย่างไรให้ไก่ชนมีสุขภาพดี ซึ่งมีพื้นฐานตั้งแต่การเลี้ยง การให้อาหาร การฝึกฝน นั่นเอง
  • การรักษาอาการบาดเจ็บจากการต่อสู้ นอกจากการศึกษาวิธีการเลี้ยงดูแล้ว คุณควรปรึกษาเภสัชกรในเรื่องของยาที่ใช้ในการรักษาและฟื้นฟูแผลและการบาดเจ็บจากการต่อสู้ คุณต้องตรวจสอบร่างกายของไก่ชนทุกครั้งหลังเสร็จสิ้นการต่อสู้
  • กลุ่มยาที่มักจะใช้ เช่น เพนนิซิลิน  เต็ดตร้าไซคลิน เป็นต้น ควรใช้เมื่อไก่ชนมีอาการบาดเจ็บที่หนักและมากพอสมควร

ลักษณะที่ดีของไก่ชน
ลักษณะที่ดีของไก่ชนนั้นนอกจากจะมีความงามและความแข็งแรงแล้ว ควรสังเกตอวัยวะที่เป็นจุดเด่นในการโจมตีคู่ต่อสู้ หากทราบลักษณะเด่นของไก่ ก็ยิ่งมีโอกาสในการเอาชนะมากยิ่งขึ้น อวัยวะที่เป็นจุดเด่นในการโจมตี มีดังนี้
  • การสังเกตจำนวนเกล็ดบริเวณนิ้วเท้า โดยแบ่งเป็น “ก้อย 5 หน้า 21” และ “ก้อย 5 หน้า 16” ดังนี้   “ก้อย 5 หน้า 21” คือ ไก่ชนที่มีจำนวนเกล็ดที่นิ้วก้อยอยู่ 5 เกล็ด และมีจำนวนเกล็ดบริเวณนิ้วกลาง 21 เกล็ด “ก้อย 5 หน้า 16” คือ ไก่ชนที่มีจำนวนเกล็ดที่นิ้วก้อยอยู่ 5 เกล็ด และมีจำนวนเกล็ดบริเวณนิ้วกลาง 16 เกล็ด
  • ซึ่งไก่ที่มีลักษณะและจำนวนเกล็ดตรงตามจำนวนที่กล่าวไว้ เป็นไก่ชนที่น่าเกรงขามของคู่ต่อสู้ เนื่องจากตีเจ็บ และเข้าโจมตีคู่ต่อสู้ได้ง่ายมาก เรียกได้ว่าเป็นลักษณะของ “ไก่งามตามตำรา” นั่นเองค่ะ
  •  บริเวณแข้งของไก่ชน  ลักษณะแข้งของไก่ชน แบ่งได้ 2 แบบ คือ แข้งกลมและแข้งเหลี่ยม  ไก่ชนที่มีแข้งกลมนั้น  เป็นลักษณะแข้งที่สวย เกล็ดของแข้งเรียงตัวดี ไก่ชนที่มีแข้งเหลี่ยมนั้น เกิดจากเกล็ดของแข้งยกตัวขึ้นจนเป็นรูปเหลี่ยมนั่นเอง

การเลี้ยงไก่ชน ผู้เลี้ยงต้องศึกษาข้อมูล วิธีการเลี้ยง วิธีการแข่ง และวิธีการรักษาอย่างแน่ชัดเสียก่อน จึงนำไก่ชนลงแข่ง เพื่อให้ไก่มีสภาพพร้อมต่อการแข่งขัน และเพื่อให้การแข่งขันสนุกสนานมากขึ้นนั่นเองค่ะ

สุนัขพันธุ์ชิห์สุ ตัวเล็กแต่สง่างาม ลักษณะนิสัยและวิธีการเลี้ยง

การเลี้ยงสุนัขในปัจจุบันนั้น ผู้คนที่ต้องการเลี้ยงต้องศึกษาและมีความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับสายพันธุ์ของ สุนัข เนื่องจากลักษณะทางนิสัยและพฤติกรรมของสุนัขแต่ละพันธุ์นั้นแตกต่างกัน และเพื่อให้คุณดูแลมันได้ อย่างเต็มที่ มีประสิทธิภาพ และรับมือกับพฤติกรรมโดยธรรมชาติของมันนั่นเอง บทความนี้เรามานำเสนอ สาระน่ารู้และข้อมูลของสุนัขตัวเล็กน่ารักที่ชื่อพันธุ์ว่า “ชิห์สุ” กันค่ะ
ว่ากันว่า ชื่อของชิห์สุนั้น มาจากคำในภาษาจีน แปลว่า สุนัขสิงโต แต่ที่จริงแล้ว ชื่อของมันหากอ่านเทียบเสียงกับตัวอักษรจีน จะอ่านว่า ซือจื่อ เป็นสุนัขที่เรียกได้ว่าสุนัขชั้นสูง เช่นเดียวกับสุนัขพันธุ์ปั๊กและปักกิ่ง สุนัขพันธุ์ชิห์สุเป็นสุนัขที่พระทิเบตมอบให้พระจักรพรรดิจีนเป็นของกำนัล

ลักษณะรูปร่างและนิสัยของสุนัขพันธุ์ชิห์สุ 
สุนัขชิห์สุมีความสูงประมาณ 9 – 10 นิ้ว และเมื่อสุนัขโตเต็มวัยจะมีน้ำหนักประมาณ 9 – 16 ปอนด์ เป็นสุนัขที่มีลำตัวขนาดเล็ก ศีรษะมีลักษณะกลม ขนาดพอดีกับลำตัว ฟันไม่แหลมคม ปากเรียบพอดี เสมอกัน  ไม่เผยอหรือห้อยลงมา ฟันล่างไม่เกยฟันบน ดวงตาสีดำกลมโต มีหูขนาดใหญ่ จมูกสีดำเงา บริเวณขาหน้าและ ขาหลังมีกระดูกและกล้ามเนื้อที่แข็งแรง หางสูงและมีขนยาว มีขนสองชั้นและหนาทั่วลำตัว

สุนัขพันธุ์ชิห์สุนั้นมีนิสัยชอบเห่า และเห่าดังมาก รักสนุก ชอบวิ่ง รักความสะอาด ตื่นตัว และเป็นมิตร แต่ข้อเสียของมันคือ มันมักจะไม่เชื่อฟังเจ้าของเลย ถ้าเปรียบเป็นคน ก็เหมือนกับคนที่มี “อารมณ์ศิลปิน” อยากทำอะไรก็ทำ ทำตามใจตัวเองนั่นแหละค่ะ ดังนั้น มันอาจจะทำให้คุณต้องปวดหัวสักเล็กน้อย แต่เพื่อให้มันอยู่ร่วมกับคนในสังคมได้ คุณก็ควรฝึกให้มันมีพฤติกรรมที่เหมาะสมด้วย

อาหารของสุนัขพันธุ์ชิห์สุ
การให้อาหารสุนัขนั้นแตกต่างกันไปตามช่วงวัย ดังนั้น คุณควรหาอาหารที่มีความเหมาะสมและมีสารอาหารมากพอ ในกรณีที่คุณเลี้ยงสุนัขที่โตแล้ว คุณสามารถให้อาหารเม็ดหรืออาหารเปียกก็ได้ แต่หากเป็นสุนัขที่เริ่มแก่หรือไม่แข็งแรง คุณควรให้สารอาหารหรือจำพวกวิตามินชนิดต่าง ๆ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับเขา ทั้งนี้ คุณควรสังเกตด้วยว่า สุนัขมีปฏิกิริยาอย่างไรต่ออาหารที่คุณให้ บางตัวอาจไม่ชอบอาหารเม็ด ก็ให้คุณเปลี่ยนเป็นอาหารเปียกแทน แล้วค่อย ๆ ผสมอาหารเม็ดไปเรื่อย ๆ จนสุนัขคุ้นเคยรส เนื่องจากถ้ามันไม่ชอบ มันอาจไม่กินอาหารที่คุณให้เลยก็เป็นได้


สำหรับวิธีการปฏิบัติในการเลี้ยงสุนัขพันธุ์ชิห์สุเพื่อสุขภาพและอนามัยที่ดีของสุนัขนั้น ประกอบด้วย 3 ข้อสำคัญ ดังนี้ค่ะ
  • ควรพาสุนัขไปเดินเล่นหรือออกกำลังกายทุกวัน เนื่องจากสุนัขพันธุ์นี้เป็นพันธุ์ที่มีความกระตือรือร้นสูง รักสนุก และที่สำคัญ คือ เป็นสุนัขที่มีนิสัยชอบวิ่งด้วย คุณจึงควรพามันไปวิ่งทุกวัน เพื่อทำให้มันอารมณ์ดี และสุขภาพดีขึ้น ควรวิ่งในสวนสาธารณะและที่ร่มรื่น ไม่ร้อนจัด เพราะมันไม่สามารถทนกับอากาศร้อนเป็นเวลานานได้ หากมีคุณเวลาว่างจากการทำงานมากพอ การพามันออกไปวิ่งในสถานที่ใหม่ ๆ บ้าง มันก็คงจะตื่นเต้นไม่น้อยเลยใช่ไหมล่ะคะ
  • การอาบน้ำของสุนัขที่มีขนยาวอย่างพันธุ์ชิห์สุนั้น ไม่ควรอาบน้ำให้มันบ่อย ควรอาบน้ำประมาณ 2 สัปดาห์ต่อ 1 ครั้ง หากอาบน้ำบ่อย จะส่งผลทำให้ผิวหนังของมันระคายเคืองได้ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ เหมาะสมกับสภาพผิวหนังและขน หากเลือกสูตรกำจัดเห็บหมัดด้วยจะดีมาก ที่สำคัญ เมื่ออาบน้ำเสร็จแล้ว ควรเช็ดตัวหรือใช้ไดร์เป่าให้แห้งเสมอทุกครั้ง เพื่อป้องกันการเกิดโรคผิวหนังและโรคเชื้อราค่ะ
  • ไม่ควรปล่อยให้มันอยู่บ้านเพียงลำพัง สิ่งสำคัญสำหรับการเลี้ยงสุนัข คือ คุณต้องมีเวลาให้กับมัน และไม่ควรให้มันอยู่ลำพังจนเกินไป เพราะสุนัขล้วนกลัวการถูกทอดทิ้ง หากให้มันอยู่ลำพังบ่อยครั้งหรือเป็นระยะเวลานานเกินไป อาจทำให้มันเป็นโรคซึมเศร้าได้ค่ะ


สุนัขพันธุ์ชิห์สุ ถึงแม้มันจะมีนิสัยเอาแต่ใจตัวเองบ้าง อาจสร้างความลำบากใจให้คุณบ้าง แต่อย่าลืมว่า สุนัขทุกตัว มีความรักและซื่อสัตย์กับเจ้านายเสมอนะคะ


สุนัขขนสวยน่ารัก ยอร์คเชียร์เทอร์เรีย ลักษณะนิสัยและวิธีการเลี้ยง

สุนัขพันธุ์ยอร์คเชียร์เทอร์เรียนั้นเป็นสุนัขที่มักจะเลี้ยงกันมากในฝั่งทางยุโรป มีรูปร่างตัวเล็ก น่ารัก สำหรับในประเทศไทยนั้นจะเห็นได้บ้างเล็กน้อย เนื่องจากมันมีขนที่ยาวมาก จึงไม่สามารถทนได้ในสภาพอากาศที่ร้อนมาก หรืออยู่ในเมืองที่มีสภาพอากาศร้อน หากคุณต้องการเลี้ยงยอร์คเชียร์เทอร์เรีย คุณต้องศึกษามันและดูแลมันให้ดี เนื่องจากมันเป็นสุนัขขนาดเล็ก หากคุณพร้อมที่จะเลี้ยงมันแล้วล่ะก็ เชิญทางนี้เลยค่ะ



สุนัขพันธุ์ยอร์คเชียร์เทอร์เรีย (Yorkshire Terrier) หรือนิยมเรียกกันว่า “ยอร์กกี้” เป็นสุนัขที่ต้นกำเนิดมาจากทางตอนเหนือของประเทศอังกฤษ ชื่อของสายพันธุ์นั้นก็ได้มาจากชื่อของเมือง “ยอร์กเชียร์” นั่นเอง ได้รับการพัฒนาในศตวรรษที่ 19   โดยการผสมเทอร์เรียในหลากหลายสายพันธุ์อีกด้วย ภายหลังได้มีผู้ผลิตพันธุ์ให้ยอร์คเชียร์เทอร์เรียมีขนาดเล็กลงมาจากพันธุ์เดิม

ในสมัยโบราณ ทางตอนกลางไปจนถึงตอนเหนือของประเทศอังกฤษ นิยมเลี้ยงสุนัขพันธุ์ยอร์คเชียร์เทอร์เรียเอาไว้ใช้งาน หรือเลี้ยงเอาไว้เพื่อจับหนูตามบ้าน  แต่ในปัจจุบัน หลังจากมีการเพาะพันธุ์ยอร์กเชียร์ใหม่ มันก็ได้เปลี่ยนบทบาทจากการเป็นแมวที่ใช้งานและไล่จับหนู....เป็นแมวที่ใช้เลี้ยงกันภายในบ้านหรือภายในครอบครัว หรือแม้กระทั่งการเลี้ยงเพื่อการประกวดเลยก็ว่าได้

ลักษณะรูปร่างและนิสัยของเจ้าสุนัขพันธุ์ยอร์คเชียร์เทอร์เรีย
ยอร์คเชียร์เทอร์เรียนั้นเป็นสุนัขทอยขนาดเล็ก รูปร่างสมส่วน ขนยาวทั่วตัว ขนเรียบ และเงางาม โดยเฉพาะบริเวณศีรษะจะมีขนที่ยาวมาก ดวงตาสีดำกลมโต จมูกสีดำ หูมีขนาดเล็ก เป็นรูปสามเหลี่ยม หาง สั้น สีของลำตัวจะเป็นสีเทาเงิน แซมด้วยสีน้ำตาล

สุนัขพันธุ์นี้มีความสามารถในการได้ยินสูง สามารถเลี้ยงเอาไว้เพื่อเฝ้าบ้านได้ ยอร์กเชียร์นั้นรักเจ้าของ มาก และต้องการที่จะอยู่ใกล้กับเจ้าของมากที่สุด  คล่องแคล่ว ว่องไว ไม่ค่อยเชื่อฟังคำสั่ง ชอบวิ่งจับสัตว์ต่างๆ  เป็นสุนัขที่ค่อนข้างที่จะดื้อและซนมากเลยทีเดียว เพราะฉะนั้น บางครั้งเขาอาจจะสร้างความเดือดร้อนมาให้คุณ โดยที่อาจจะรู้ตัว เนื่องมาจากนิสัยบางอย่างของเขา



อาหารของเจ้าสุนัขพันธุ์ยอร์คเชียร์เทอร์เรีย
สำหรับอาหารของสุนัขพันธุ์ยอร์คเชียร์เทอร์เรียนั้น เลือกได้ 2 อย่าง ก็คือ อาหารแห้ง ซึ่งก็คือ อาหารเม็ด นั่นเอง กับ อาหารเปียก เทคนิคก็คือ ควรเลือกสูตรของอาหารให้เหมาะกับลักษณะของสุนัข อีกทั้ง ยังควรคำนึงถึงในเรื่องของช่วงอายุอีกด้วย นับได้ว่าหมดกังวลในเรื่องอาหารไปเลย เนื่องจากอาหารดังกล่าวนี้สามารถเก็บได้ง่ายและเก็บได้นาน


ข้อควรปฏิบัติสำหรับสุนัขพันธุ์ยอร์คเชียร์เทอร์เรีย
  •  ไม่ควรให้สุนัขอยู่เพียงลำพัง เนื่องจากสุนัขพันธุ์ยอร์คเชียร์เทอร์เรียนั้นไม่ชอบอยู่เพียงลำพัง อาจส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของมันได้ ดังนั้น ก่อนที่จะซื้อหรือนำมันมาเลี้ยง คุณควรจะต้องแน่ใจก่อนว่า คุณมีเวลาเพียงพอที่จะอยู่กับมันไหม เพราะมันรักเจ้าของมาก และอยากอยู่ใกล้เจ้าของตลอดเวลา หากคุณไม่สะดวกดูแล ก็ต้องมีบุคคลอย่างน้อย 1 คน อยู่ในบ้าน เพื่อคอยดูแลมันอย่างใกล้ชิดนั่นเอง หากคุณอาศัยอยู่บ้านคนเดียว คุณอาจหาเพื่อนให้มันสักตัว เพียงเท่านี้ มันก็ไม่เหงาแล้วล่ะค่ะ
  • ไม่ควรอาบน้ำให้บ่อยครั้ง การอาบน้ำควรทำเพียง 2 สัปดาห์ต่อ 1 ครั้ง เนื่องจากหากอาบน้ำให้บ่อยจนเกินไปอาจทำให้มันเป็นโรคผิวหนังได้ เนื่องจากมันมีขนที่ยาวมาก 
  • การอาบน้ำให้มัน คุณต้องทำอย่างอ่อนโยน เนื่องจากมันมีขนาดลำตัวที่เล็ก ที่สำคัญ ต้องระวังไม่ให้น้ำเข้าหูและตาของมัน  นอกจากนี้ ควรเช็ดตัวน้องหมาเทอร์เรียให้แห้งด้วยทุกครั้งหลังอาบน้ำ หรือ อาจใช้ไดร์เป่าเบาให้ขนของมันแห้งก็ได้  อย่าลืมแปรงขนของมันด้วยนะคะ
  • พฤติกรรมที่สุนัขมีต่อเด็ก บางครั้งเด็กๆอาจเล่นกับเขาแรงไป จนทำให้สุนัขโห บ่อยครั้งเข้าอาจทำให้กัดเด็กได้ ดังนั้นคุณควรฝึกมันให้ดี และให้เด็กีพฤติกรรมที่ดีต่อสุนัขด้วย


สุนัขพันธุ์ยอร์คเชียร์เทอร์เรีย ต้องการความรัก และการเอาใจใส่จากเจ้าของมากนะคะ  ดังนั้น คุณควรดูแลมันด้วยความรัก จะช่วยให้มันมีพฤติกรรมที่เหมาะสมและไม่ก้าวร้าวได้ค่ะ หากคุณพร้อมที่จะรับมันมาเลี้ยงแล้ว ก็ขอให้มีความสุขกับสุนัขตัวน้อยนะคะ





บีเกิ้ล สุนัขตัวน้อยแสนซน ลักษณะนิสัยและวิธีการเลี้ยง

หากพูดถึงสุนัขสายพันธุ์ที่น่ารักอย่างนี้ล่ะก็ บีเกิ้ลก็เป็นสุนัขอีกหนึ่งชนิดหนึ่ง ที่น่าสนใจ และเป็นที่นิยมในการเลี้ยงที่ประเทศไทยเช่นเดียวกัน บีเกิ้ลเป็นสุนัขที่เรียกได้ว่าใจดี เพราะมันเป็นมิตรกับผู้คน แถมยังเป็นมิตรกับเด็กมากอีกด้วย หากใครที่กำลังตัดสินใจจะซื้อสุนัขพันธุ์นี้มาเลี้ยง หรือกำลังมองหาสุนัขที่เหมาะสม สำหรับตนเอง เช่น เหมาะสมสำหรับพื้นที่ งบประมาณ พฤติกรรมดี นิสัยดี เป็นต้น เรามาดูกันว่า สุนัขบีเกิ้ลนั้น จะมีคุณลักษณะที่คุณกำลังต้องการอยู่หรือไม่


ในเรื่องถิ่นการกำเนิดของสุนัขพันธุ์บีเกิ้ลนั้น ยังไม่มีผู้กล่าวไม่อย่างแน่ชัด แต่เชื่อกันว่ามีต้นกำเนิดอยู่ที่อังกฤษ ตั้งแต่ยุคจักรวรรดิโรมันเข้ายึดครอง และมีการพบสุนัขพันธุ์บีเกิ้ลในสมัยฝรั่งเศสแลพกรีกโบราณ ในยุคสงครามครูเสด มีการพบว่า ผู้คนใช้สุนัขพันธุ์บีเกิ้ลในการล่าสัตว์ชนิดที่มีตัวเล็ก ภายหลังบีเกิ้ลได้มีชื่อเสียงอย่างมากในประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นมา ประเทศอเมริกาก็ได้พัฒนาสายพันธุ์สุนัขบีเกิ้ล ให้ได้มีสัดส่วนรูปร่างตรงตามมาตรฐาน ต่อมาได้มีการจดทะเบียนรับรองสายพันธุ์ และได้ตั้งชมรมผู้เพาะพันธุ์สุนัขบีเกิ้ลอีกด้วย จึงทำให้สุนัขสายพันธุ์บีเกิ้ลได้รับความนิยมจนถึงปัจจุบันนั่นเอง

ลักษณะรูปร่างและนิสัยสุนัขบีเกิ้ล
สุนัขพันธุ์บีเกิ้ลเพศผู้และเพศเมียนั้นจะมีน้ำหนักเท่า ๆ กัน คือประมาณ 18 - 30 ปอนด์ เพศผู้นั้นมีความสูงประมาณ  15 นิ้ว และตัวเมียมีความสูงประมาณ 13 นิ้ว บีเกิ้ลมีกะโหลกศีรษะที่คล้ายโดมเล็กน้อย ปากมีลักษณะคล้ายสี่เหลี่ยม จมูกกว้าง สีดำ หูยาวและห้อยตก ดวงตากลมโตสีออกน้ำตาล ขนสั้น เรียบ สีขนประกอบด้วย 3 สี ได้แก่ สีดำ สีขาว และสีน้ำตาลแดง คอยาวประมาณ อกลึกและกว้าง กล้ามเนื้อขา เท้า และเข่าแข็งแรง บริเวณหางดูโค้งขึ้นเล็กน้อย ขนหางเป็นพวง


ลักษณะนิสัยของสุนัขพันธุ์บีเกิ้ลนั้นก็คือ มีนิสัยร่าเริง ฉลาด รักเพื่อนฝูง อยากรู้อยากเห็น แต่มีข้อเสียอย่างหนึ่ง คือ ไม่สามารถป้องกันขโมยหรือโจรได้ เพราะด้วยลักษณะนิสัยที่เป็นมิตรกับคนง่ายของมัน  มันชอบเดินเตร็ดเตร่ไปเรื่อยๆ ดังนั้น เมื่อพามันออกไปเดินเล่นข้างนอก คุณควรล่ามโซ่ หรือใช้สายจูง เพื่อไม่ให้มันหลุดมือไป เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดขึ้นได้นั่นเองค่ะ

อาหารของสุนัขบีเกิ้ล
การให้อาหารสำหรับสุนัขบีเกิ้ลนั้นสามารถให้อาหารเม็ด อาหารกระป๋อง หรืออาหารแบบเปียกผสมกันก็ได้ ทั้งนี้ควรคำนึงถึงสารอาหารและพลังงานที่ได้รับในแต่ละมื้อไม่ให้มากกหรือน้อยจนเกินไปด้วย ไม่เช่นนั้นอาจเกิดปัญหาทางสุขภาพได้ ทางที่ดี ควรเข้าพบสัตวแพทย์เพื่อรับคำแนะนำในการจัดมื้ออาหารให้เหมาะสมและพอดีในแต่ละวัน



ข้อควรปฏิบัติสำหรับสุนัขบีเกิ้ล
การเลี้ยงสุนัขพันธุ์บีเกิ้ลนั้นมีข้อควรระวังในเรื่องของพื้นที่ในการใช้ชีวิต การออกกำลังกาย และการทำความสะอาดร่างกาย ดังนี้
  •  ควรมีที่กั้นสำหรับสุนัขพันธุ์บีเกิ้ลด้วย เนื่องจากบีเกิ้ลนั้นไม่ค่อยระมัดระวังตัวสักเท่าไหร่นัก ดังนั้น เมื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ คุณจึงต้องจำกัดพื้นที่เพื่อรักษาความปลอดภัยให้มัน หรือหากต้องพามันออกไปข้างนอก ก็ควรมีสายจูงไปด้วย  
  • -ควรให้สุนัขได้ออกกำลังกายบ้าง การให้บีเกิ้ลได้ออกไปเดินเล่นหรือออกกำลังกายบ้าง จะช่วยให้มันมีอารมณ์ดีขึ้น ควรให้ออกกำลังกายอย่างน้อยวันละครั้ง และควรพาไปในที่ที่แปลกใหม่บ้าง เช่น สวนสาธารณะ อุทยาน เป็นต้น จะช่วยให้สุนัขได้เจอบรรยากาศที่ดี และออกกำลังกายได้อย่างมีความสุขนั่นเอง
  • -การอาบน้ำให้บีเกิ้ล การอาบน้ำให้บีเกิ้ลควรทำให้อาทิตย์ละครั้ง และควรแปรงขนทุก3 – 4 วัน เมื่ออาบน้ำเสร็จแล้วควรทำให้ตัวสุนัขแห้งสนิททุกครั้ง และควรแปรงขนบ่อย ๆ เพราะช่วยให้ขนสวย เงางาม ไม่พันกัน

สุนัขพันธุ์บีเลนั้นเป็นสุนัขที่ฉลาดและร่าเริง แต่ก็มีอารมณ์ไม่ดีเมื่อถูกปล่อยให้อยู่เพียงลำพัง ดังนั้น ผู้เลี้ยงสุนัขควรทำกิจกรรมเรากับสุนัข เพื่อให้มันมีอารมณ์ดีและร่าเริงอยู่เสมอ อย่าลืมพาไปฉีดวัคซีนทุกปีด้วยนะคะ






สุนัขพันธุ์ปั๊ก ถ้ารู้จักแล้วคุณจะรักมัน นิสัยและวิธีการเลี้ยง

ถ้าพูดถึงสุนัขพันธุ์ปั๊กแล้ว คงไม่มีใครไม่รู้จักเจ้าหมาหน้าย่นพันธุ์นี้แน่นอน เนื่องจากปัจจุบันสุนัขพันธุ์ปั๊กเป็นสุนัขที่มีความนิยมเลี้ยงกันในประเทศไทย เพราะความน่ารักและหน้าตาที่มีลักษณะเฉพาะตัว ใครที่กำลังมองหาสุนัขมาเลี้ยงไว้ที่บ้าน เรามาดูกันว่า นอกจากความน่ารักและความโดดเด่นทางหน้าตาแล้ว สุนัขพันธุ์ปั๊กนี้ ยังมีความสามารถในด้านใดอีกบ้าง ถ้าพร้อมแล้ว เรามาดูกันเลยค่ะ



สุนัขพันธุ์ปั๊กมีถิ่นกำเนิดมาจาก?
คุณทราบไหมว่า สุนัขพันธุ์ปั๊กเป็นสุนัขที่มีมานานมาก กำเนิดตั้งแต่ 400 ปีก่อนคริสตกาล เรียกได้ว่าเป็นสุนัขที่เก่าแก่พันธุ์หนึ่ง สุนัขพันธุ์นี้มีแหล่งกำเนิดมาจากประเทศจีน ในสมัยโบราณนิยมเลี้ยงหมาปั๊กเอาไว้ในวัด ก่อนจะแพร่หลายและได้รับความนิยมจากประเทศทางฝั่งตะวันตกอย่างประเทศฮอลแลนด์และฝรั่งเศสอีกด้วย

สุนัขเคยได้ช่วยบุคคลสำคัญของโลกไว้ 2 ประเทศ คือ ประเทศฮอลแลนด์ เคยช่วยชีวิตเจ้าชายวิลเลี่ยม โดยเตือนว่ากองทัพสเปนได้เคลื่อนเข้ามาใกล้พระองค์แล้ว และประเทศฝรั่งเศส เมื่อผู้นำประเทศใช้สุนัขพันธุ์ปั๊กเพื่อส่งสารให้กับนโปเลียน สะท้อนให้เห็นว่า สุนัขพันธุ์ปั๊กนั้นฉลาดมากเลยทีเดียว

สุนัขพันธุ์ปั๊กมีลักษณะรูปร่างและนิสัย?
ลักษณะที่มองเห็นได้เด่นชัดที่สุดถ้ามองจากภายนอกของมัน นั่นก็คือ หน้าผากย่น และปากล่างที่ยื่นออกเล็กน้อย กะโหลกศีรษะของมันมีขนาดใหญ่ กลม หูบางและเล็ก จมูกสั้น สีดำ ดวงตากลมโต ดำเข้ม ลำตัวสั้น มีกล้ามเนื้อมาก คอสั้นและย่น หางม้วนอยู่เหนือสะโพก ขนสีดำหรือน้ำตาลอมเหลือง
นิสัยของสุนัขพันธุ์ปั๊ก  ปั๊กเป็นสุนัขที่ซนมาก อยู่ในพื้นที่เล็กได้ ว่องไว เป็นมิตร อารมณ์ดี ชอบเข้าสังคม ซื่อสัตย์ต่อเจ้าของ ฉลาด ชอบพบปะผู้คน ถือว่าเป็นสุนัขที่มีความสามารถในการเข้าสังคมที่ดีมากเลยทีเดียว แถมยังเป็นสุนัขที่ร่าเริงอีกด้วย เพราะอย่างนี้ จึงทำให้ผู้เลี้ยงเป็นคนอารมณ์ดีไปด้วยนั่นเอง

อาหารของสุนัขพันธุ์ปั๊ก
การให้อาหารสุนัขพันธุ์ปั๊กสามารถให้อาหารเม็ดได้ แต่คุณควรเลือกอาหารให้เหมาะสมกับอายุของปั๊ก ปัญหาของปั๊ก คือ น้ำหนักตัวที่มากเกินไป คุณจึงต้องควบคุมอาหารในแต่ละมื้อในพอดีกับความต้องการของมัน ในกรณีที่คุณกำลังควบคุมน้ำหนักหรืออาหารของมัน คุณสามารถปรึกษาหรือขอคำแนะนำจากสัตวแพทย์ได้ เพื่อให้ได้สารอาหารในปริมาณที่เหมาะสม


ข้อควรปฏิบัติสำหรับสุนัขพันธุ์ปั๊ก

  • พาสุนัขพันธุ์ปั๊กไปออกกำลังกายบ่อย ๆ สุนัขพันธุ์ปั๊กนั้นเป็นสุนัขที่คุณต้องเอาใจใส่ในหลาย ๆ ด้าน โดยเฉพาะในเรื่องของสุขภาพ การปล่อยให้สุนัขพันธุ์ปั๊กอ้วนนั้นเป็นเรื่องไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะหากไม่ออกกำลังกายเลย ปั๊กจะอ้วนมาก และอาจมีผลกระทบต่อการทำงานของอวัยวะสำคัญ คือ ปอดและหัวใจอีกด้วย ทำให้หายใจลำบากมากขึ้น แต่คุณควรระวังอย่าให้สุนัขพันธุ์ปั๊กออกกำลังกายหนัก หรือ หักโหมมากเกินไปนัก ระบบการหายใจของเขาไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ควรให้เดินเล่นมากกว่าการวิ่ง เพราะเขาจะเหนื่อยง่ายและหอบได้นั่นเอง แต่ควรพาเขาออกกำลังกายทุกวันควรมีสายจูงเอาไว้ด้วย เพราะมันอาจซุกซน และวิ่งออกไปนอกพื้นที่ ซึ่งนั่นอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้เช่นกัน
  • ต้องเอาใจใส่ปั๊กอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าสุนัขพันธุ์ปั๊กจะเลี้ยงง่าย ใช้พื้นที่น้อย แต่สุนัขพันธุ์ปั๊กนั้นก็ต้องการความรักและเอาใจใส่จากเจ้าของ ควรเล่นกับมันบ้าง เมื่อคุณมีเวลาว่าง จะช่วยทำให้ทั้งสุนัขและคุณอารมณ์ดี และคลายเครียดได้นั่นเองค่ะ
  • ระวังเรื่องอุณหภูมิ เนื่องจากสุนัขพันธุ์ปั๊กนั้นมีความสามารถในการทนทานความร้อนหรือที่ที่มีอุณหภูมิสูงได้ไม่ดี การที่ปล่อยให้มันอยู่ในที่ร้อน ๆ เป็นเวลานาน สามารถส่งผลกระทบต่ออวัยวะสำคัญภายในร่างกายของมัน อย่างหัวใจ ไต และกระบังลมได้ สุนัขอาจไม่แสดงอาการใด ๆ แต่คุณควรทราบไว้ว่า สุนัขพันธุ์ปั๊กควรอยู่ในที่ที่เย็นสบาย ไม่เย็นหรือร้อนจนเกินไป 
  • ระบบทางเดินหายใจ คุณควรระวังในเร่องการหายใจด้วย เพราะมันอาจหอบได้ง่าย ถ้าเหนื่อยเกินไป และห้ามสูบบุหรี่ใกล้มันเด็ดขาด


เจ้าสุนัขพันธุ์ปั๊กก็น่ารักไม่น้อยเลยใช่ไหมคะ หากคุณเลี้ยงและเอาใจใส่มันอย่างดี แน่นอนว่า มันก็จะช่วยให้คุณมีความสุขอย่างแน่นอนค่ะ



สุนัขพันธุ์ชิวาวา เจ้าหมาพันธุ์จิ๋ว นิสัยและวิธีการเลี้ยง

สุนัขพันธุ์ชิวาวานั้นเป็นสัตว์ที่เป็นที่นิยมในการเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนเล่น ชิวาวานั้นเรียกได้ว่าเป็นสุนัขที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก และเป็นสุนัขที่ฉลาด จึงเป็นที่นิยมสำหรับคนที่ชอบสุนัขขนาดเล็ก บทความนี้เรามีข้อมูลเพิ่มเติมที่ควรรู้ก่อนที่คุณจะนำสุนัขสายพันธุ์ชิวาวามาเลี้ยง รวมถึงลักษณะนิสัยของมันด้วย ดังนี้ค่ะ

สุนัขสายพันธุ์ชิวาวานั้นเป็นสุนัขที่มีลำตัวขนาดเล็ก โดยมีต้นกำเนิดอยู่ในประเทศเม็กซิโก ซึ่งชื่อของสุนัขสายพันธุ์นี้ได้มาจาก ชื่อเมืองชิวาวา ในประเทศเม็กซิโกนั่นเอง ในสมัยโบราณเป็นสุนัขพื้นเมืองในแถบอเมริกากลาง ลักษณะของชิวาวาโบราณ คือ ลำตัวมีขนาดเล็ก แต่มีกระดูกใหญ่ และขนยาว แต่ในปัจจุบัน สุนัขชิวาวามีขนาดเล็กลง เนื่องจากมีการพัฒนาสายพันธุ์ให้มีขนาดเล็กลงโดยชาวอเมริกัน สุนัขพันธุ์ชิวาวาก็ยังคงได้รับความนิยมจากคนในประเทศอเมริกา

ในสมัยก่อนนั้น ชาวพื้นเมืองของเม็กซิโกมักจะนิยมเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์ชิวาวา เนื่องจากมีความเชื่อในเรื่องโชคลางต่าง ๆ เมื่อจัดพิธีบูชายันต์ขึ้น ชาวพื้นเมืองเหล่านี้ก็จะนำชิวาวาไปใช้ร่วมในพิธีด้วย

สุนัขพันธุ์ชิวาวามีลักษณะนิสัยอย่างไร
ชิวาวามีขนาดลำตัวที่เล็ก กะทัดรัด ศีรษะมีลักษณะค่อนข้างกลม ตากลมโตสีดำหรือน้ำตาล มีหูขนาดใหญ่ ขนมีหลายสี ทั่วเสมอกันทั้งตัว หรืออาจจางบ้าง ขนบนลำตัวอาจมีทั้งสั้นและยาวตามชนิด หางค่อนข้างยาว จมูกอาจมมีสีดำหรือน้ำตาลก็ได้

ชิวาวามีนิสัยรักเจ้าของ ฉลาด กระตือรือร้น รักพวกพ้อง เป็นสุนัขพันธุ์ที่ไม่ค่อยเห่าหรือส่งเสียงดังเท่าไหร่ แต่หวงที่อยู่ของตนเอง ดังนั้น มันอาจเห่าเมื่อรู้สึกตกใจ หรือเมื่อมีใครเข้ามาในพื้นที่ มันจะเห่าเพื่อปกป้องความปลอดภัยและที่อยู่ของมัน มันสามารถที่จะเรียนรู้หรือสามารถฝึกได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากมันมีขนาดของกะโหลกศีรษะและสมองที่ใหญ่มากกว่าสุนัขสายพันธุ์อื่น ๆ นั่นเอง


อาหารของสุนัขพันธุ์ชิวาวา
ผู้เลี้ยงควรใส่ใจในเรื่องของการให้อาหารมากที่สุด ในระหว่าที่สุนัขมีอายุ 2-3 เดือน เนื่องจากสุนัขในวัยนี้ยังเล็กมาก หากให้อาหารที่ถูกกับลูกสุนัขเป็นเรื่องสำคัญ เพราะสุนัขวัยนี้มีภูมิต้านทานต่ำ หากให้อาหารที่ไม่เหมาะสม สุนัขอาจท้องเสียหรือตายได้เช่นกัน
แต่หากสุนัขมีอายุ 3 เดือนขึ้นไป คุณสามารถที่จะให้อาหารเม็ดได้ แต่ต้องคำนึงถึงคุณภาพของอาหาร ปริมาณที่เหมาะสม และเลือกชนิดที่เหมาะสมกับสุนัขของคุณมากที่สุด เพียงเท่านี้น้องหมาชิวาวาก็ปลอดภัยและแข็งแรงแล้วค่ะ

ข้อควรปฏิบัติสำหรับสุนัขพันธุ์ชิวาวา

  • ผู้เลี้ยงชิวาวาต้องดูแลอย่างใกล้ชิด เนื่องจากชิวาวาเป็นสุนัขขนาดเล็ก หากไม่ระวังอาจเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ เช่น การตกจากที่สูง หรือ การถูกรถยนต์ทับ เป็นต้น
  • อย่าให้ศีรษะได้รับการกระแทก ถึงแม้น้องชิวาวาจะมีกะโหลกศีรษะที่ใหญ่ แต่สุนัขที่วัยเล็ก ๆ ก็อาจมีปัญหากะโหลกหน้าผากปิดไม่สนิทได้ 

โรคที่ควรระวังสำหรับสุนัขพันธุ์ชิวาวา

  • ลำไส้อักเสบ ลักษณะอาการ คือ มีไข้ เบื่ออาหาร อาจอาเจียน ท้องเสีย เมื่ออาการหนัก สุนัขจะเจ็บปวดมาก จะร้องตลอดเวลา เนื่องจากผนังของลำไส้ได้ถูกทำลาย เมื่อได้รับเชื้อในปริมาณมาก อาจทำให้สุนัขช็อก และสามารถเสียชีวิตได้
  • ไข้หัด ลักษณะอาการ โรคนี้เป็นโรคที่ติดต่อและได้รับเชื้อผ่านทางอากาศ และสารคัดหลั่ง เช่น น้ำมูก น้ำลาย อุจจาระ ปัสสาวะ เป็นต้น เมื่อสุนัขเป็นไข้หัดจะมีอาการซึม ไม่ร่าเริง บางรายอาจเบื่ออาหาร อาเจียน ท้องเสีย หากมีอาการรุนแรงมาก สุนัขจะมีอาการชัก และอาจรุนแรงถึงเป็นอัมพาตได้เลยทีเดียว
  • วิธีการรักษาสำหรับโรคดังกล่าวนี้ ก็คือ การเข้าพบสัตวแพทย์โดยตรงค่ะ เมื่อพบว่าสุนัขของคุณมีอาการดังกล่าวต้องรีบเข้าพบแพทย์ เพื่อให้แพทย์วินิจฉัยและให้การรักษาอย่างถูกวิธี หากปล่อยไว้อาจทำอันตรายกับน้องหมาได้โดยที่คุณอาจไม่รู้ตัวเลยก็ได้นะคะ

เป็นอย่างไรบ้างคะ ? คุณมีความพร้อมที่จะรับผิดชอบชีวิตของหมาน้อยแสนฉลาดพันธุ์นี้หรือยัง ? ที่สำคัญอย่าลืมรักษาความสะอาดร่างกายของสุนัขและฉีดวัคซีนป้องกันโรคทุกปีนะคะ 





ตัวเล็กน่ารัก สุนัขพันธุ์ปอมเมอเรเนี่ยน ลักษณะนิสัยและวิธีการเลี้ยง

สวัสดีค่ะ บทความนี้เราจะพาคุณมาเรียนรู้เกี่ยวกับสุนัขที่น่าจะเป็นที่ชื่นชอบของทุกคน นั่นก็คือ สุนัขพันธุ์ปอม หรือชื่อเต็มเรียกว่า ปอมเมอเรเนี่ยน นั่นเองค่ะ ใครที่กำลังอยากเลี้ยงน้องหมา แต่ยังตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเลือกเลี้ยงสุนัขพันธุ์ไหนดี มาดูกันค่ะ ว่าสุนัขพันธุ์ปอมเมอเรเนี่ยน นั้นมีลักษณะพิเศษอย่างไรบ้าง

สุนัขพันธุ์ปอมนั้นมีต้นกำเนิดมาจากพันธุ์สปิทซ์ พบครั้งแรกที่เมืองปอมเมอเรเนีย ประเทศเยอรมัน บางคนก็เชื่อว่าสุนัขพันธุ์ปอมนั้นพัฒนามาจากหลากหลายสายพันธุ์ บ้างก็ว่ามาจากสุนัขป่า สุนัขพันธุ์ซามอยด์บ้าง สุนัขพันธุ์นี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในเยอรมัน บางคนก็ใช้เป็นสุนัขลากเลื่อน บางคนนำไปใช้เล่นละครสัตว์ เป็นต้น ภายหลังสมเด็จพระราชินีวิกตอเรีย ได้นำสุนัขของตนเองลงประกวด ในปี 1800 สุนัขพันธุ์นี้จึงได้รับความนิยมและชื่นชอบกันเป็นอย่างมากนั่นเอง

ลักษณะรูปร่างและนิสัย 
สุนัขพันธุ์ปอม หรือปอมเมอเรเนี่ยน เป็นสุนัขที่มีลำตัวขนาดเล็ก มีน้ำหนักประมาณ 3-7 ปอนด์ มีขน 2 ชั้น คือ ขนชั้นในและขนชั้นนอก ขนมีลักษณะนุ่ม แน่น ฟู ค่อนข้างยาว ขนหางมีลักษณะเป็นพวง ลำตัวมีสีเดียวกันทั่วทั้งตัว หรืออาจมีสีขาวและมีสีอื่น ๆ แซมมาด้วยก็ได้ หรืออาจเป็นสีลักษณะ BRINDLE คือมีสีพื้นที่เป็นสีทอง แดง หรือส้ม แล้วแซมด้วยสีดำทั่วตัว

ลักษณะนิสัยปอมเมอเรเนี่ยนเป็นสุนัขที่เห่าเก่งมาก เนื่องจากมันมีนิสัยขี้ตกใจ รักเจ้าของ ฉลาด คล่องแคล่ว ว่องไว และมีความอยากรู้อยากเห็น ที่สำคัญ คือ มันไม่ค่อยถูกกับเด็ก ๆ เนื่องจาอาจถูกเด็กรังแกเอาได้



อาหาร
ผู้คนส่วนใหญ่นั้นจะให้สุนัขกินอาหารเม็ด หรืออาหารสุนัขในรูปแบบเปียกค่ะ ซี่งแบบเปียกน่าจะมีคุณค่าทางอาหารมากกว่า แต่ขอแนะนำให้เป็นเนื้อสัตว์และข้าว เพื่อให้คุณค่าอย่างครบถ้วนนั่นเองค่ะ

ข้อควรปฏิบัติที่ผู้เลี้ยงสุนัขปอมเมอเรเนี่ยนควรทำ มีดังนี้
การอยู่ร่วมกับเด็ก  
         คุณควรดูแลและระวัง ไม่ควรปล่อยให้มันอยู่กับเด็กตามลำพัง เพราะมันเข้ากับเด็กไม่ได้ จึงต้องมีการฝึกให้มันมีพฤติกรรมที่เหมาะสม อีกทั้งควรดูแลเด็กเล็กอย่างใกล้ชิด เพื่อความปลอดภัยของคนที่คุณรัก

การดูแลทำความสะอาด
สุนัขพันธุ์ปอมนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องทำความสะอากากมายหรือบ่อยนัก เนื่องจากมันมีขนค่อนข้างหนาและมีถึง 2 ชั้น ขนด้านในอาจยังคงสะอาดอยู่ จึงไม่ควรทำความสะอาดทุก ๆ สัปดาห์ แต่อาจเป็นทุก 2 สัปดาห์ การแปรงขนก็เช่นกัน เพียงสัปดาห์ละครั้งก็ทำให้ขนดูสวยงามแล้ว

การออกกำลังกาย 
สุนัขพันธุ์นี้มีขนาดลำตัวที่เล็ก จึงไม่จำเป็นที่จะต้องใช้พื้นที่มาก ๆ ในการทำกิจกรรมหรือออกกำลังกาย เพียงแค่ออกกำลัง 15-30 นาที ก็เพียงพอแล้ว

การดูแลความสวยงามของขน
ผู้เลี่ยงควรจะดูแลขนของมันให้สวยงามอยู่เสมอ เนื่องจากสุนัขพันธุ์นี้เป็นพันธุ์ที่มีขนยาวและสวยงาม โดยเฉพาะช่วงที่สำคัญอย่างยิ่ง คือ ในช่วงฤดูร้อน เพราะสุนัขมีขนยาว ทำให้ความทนต่ออากาศร้อนต่ำ


โรคที่ควรระวังสำหรับสุนัขพันธุ์ปอมเมอเรเนี่ยน
  • โรคผิวหนังสำหรับสุนัขพันธุ์ปอมเมอเรเนี่ยนนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ง่ายมมาก เนื่องจากสุนัขพันธุ์ปอม นั้นมีขนยาว และแพ้ง่าย สาเหตุหลักอาจเกิดจากการใช้ผลิตภัณฑ์อาบน้ำที่ไม่มีคุณภาพ หรือการอาบน้ำที่บ่อยเกินไปนั่นเอง หรืออาจเกิดจากการระคายเคืองของผิวหนัง เป็นต้น ที่สำคัญ คือ ควรเช็ดตัวของสุนัขให้แห้งทุกครั้งหลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว ไม่เช่นนั้นสุนัขอาจเป็นโรคปอดได้
  • สำหรับลักษณะอาการคือเป็นเชื้อราที่ผิวหนัง ควรพาไปพบสัตวแพทย์ทันทีที่พบค่ะ ถ้าหากปล่อยไว้อาจเกิดเป็นโรคผิวหนังอักเสบรุนแรงได้

เป็นอย่างไรบ้างคะ คนที่กำลังมองหาสุนัขพันธุ์ปอมเมอเรเนี่ยนก็คงได้แนวทางในการดูแลเจ้าหมาตัวน้อยกันแล้วใช่ไหมคะ อย่าลืมดูแลผิวหนังและขนของมันให้ดีนะคะ เพื่อป้องกันสาเหตุของโรค และเพื่อสุภาพที่ดีของสุนัขค่ะ






คนรักหมาควรรู้ไว้!! สุนัขพันธุ์บางแก้ว ลักษณะนิสัยและวิธีการเลี้ยง

“สุนัข” เป็นสัตว์เลี้ยงที่คนไทยนิยมเลี้ยงมาก เนื่องจากเป็นสัตว์ที่สามารถอยู่อาศัยร่วมกับคนได้ และมี ประโยชน์นอกเหนือจากการเลี้ยงเป็นเพื่อน เช่น เลี้ยงไว้เพื่อให้เฝ้าบ้าน ป้องกันโจร ขโมย หรือผู้ไม่หวังดี เป็นต้น และสุนัข “พันธุ์บางแก้ว” ก็เป็นหนึ่งในพันธุ์ที่คนไทยนิยมเลี้ยงกันอีกด้วย ใครที่กำลังต้องการเลี้ยงสุนัขพันธุ์ บางแก้ว เราได้รวบรวมข้อมูลลักษณะนิสัยมาเพื่อประกอบการตัดสินใจของคุณแล้วค่ะ

ก่อนที่จะทราบลักษณะนิสัยของสุนัขพันธุ์บางแก้ว เราขอแนะนำประวัติของสุนัขพันธุ์บางแก้วก่อน  ดังนี้

ประวัติและต้นกำเนิด
สุนัขบางแก้ว มีต้นกำเนิดมาจากการผสมระหว่างสุนัขทั้งหมด 3 พันธุ์ อันได้แก่ สุนัขพันธุ์ไทย จิ้งจอก และหมาไนค่ะ ซึ่งมีแหล่งกำเนิดมาจากวัดบางแก้ว ตำบลบางแก้ว อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวนี้ ในอดีตมีสภาพแวดล้อมเป็นป่า แน่นอนว่าต้องมีสัตว์ป่าหลากหลายชนิดมาอยู่อาศัยในบริเวณนั้น ด้วย รวมถึง หมาป่าและหมาใน จึงอาจเกิดโอกาสที่สุนัขเหล่านี้จะผสมพันธุ์กันนั่นเอง

ลักษณะรูปร่างและนิสัย
สุนัขบางแก้วมีรูปร่างสมส่วน แข็งแรง มีขนาดปานกลาง ขนปุยยาว หน้าแหลม หูเล็ก มีหางเป็นพวง กะโหลกมีขนาดใหญ่ เป็นรูปสามเหลี่ยม คอยาว หูเล็กและสั้น ปากมีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยม จมูกสีดำ  รูปทรงตั้งแต่บริเวณขาหน้าไปจนถึงขาหลังเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส สีขนอาจมีได้ทั้ง ขาว-น้ำตาล ขาว-เทา และขาว-ดำ สุนัขเพศผู้สูงประมาณ 19-21 นิ้ว และเพศเมียสูงประมาณ 17-19 นิ้ว

ลักษณะนิสัยของสุนัขพันธุ์บางแก้วนั้น ขึ้นชื่อในเรื่องของความ “ดุร้าย” ด้วยเหตุนี้เอง จึงเป็นสาเหตุให้คนไทยนิยมซื้อสุนัขพันธุ์บางแก้วไปเฝ้าบ้านเฝ้าเรือน เป็นสุนัขมีความสามารถในการดมกลิ่นดีมาก ซื่อสัตย์ รักเจ้าของ ฉลาด ว่องไว และกล้าหาญ  ดังนั้น สุนัขพันธุ์บางแก้วจึงเป็นสุนัขที่สามารถเคลื่อนไหวได้รวดเร็ว คล่องแคล่ว  หากคุณต้องการเลี้ยงสุนัขพันธุ์บางแก้ว คุณต้องมีพื้นที่หรือบริเวณในบ้านที่กว้างพอให้สุนัขได้เคลื่อนไหว หรือวิ่งเล่น

อาหาร
สุนัขบางแก้วเป็นสุนัขที่กินง่าย อาหารที่นิยมกินเป็นอาหารหลัก คือ เนื้อสัตว์และเนื้อปลา แต่ก็สามารถรับประทานอาหารประเภทอื่น ๆ ได้ เหตุผลที่สุนัขบางแก้วนั้นชอบรับประทานเนื้อปลา เป็นเพราะสุนัขบางแก้วอาศัยอยู่ในแหล่งชุมชนที่ผู้คนนิยมประกอบอาชีพประมง แน่นอนว่าชาวประมงย่อมหาปลาได้ จำนวนมาก จึงทำให้สุนัขพันธุ์นี้กินเนื้อปลาบ่อยครั้งจนเป็นอาหารหลัก 

แต่หากผู้เลี้ยงไม่สะดวกที่จะซื้อเนื้อสัตว์ให้สุนัขของคุณ คุณก็สามารถใช้อาหารเม็ดแทนได้บ้าง ทางที่  ควร คือ ให้สุนัขได้กินอาหารเม็ดสลับกับเนื้อสัตว์บ้าง คุณควรเลือกเนื้อปลาจะดีที่สุด เนืองจากเป็นเนื้อสัตว์ที่  สุนัขบางแก้วชอบและคุ้นเคยนั่นเอง นอกจากอาหารแล้ว คุณควรดูแลในเรื่องน้ำกินของสุนัขให้สะอาดอยู่เสมอ   ควรเปลี่ยนน้ำทุกวัน  เพื่อให้เกิดสุขอนามัยที่ดี

ข้อควรปฏิบัติ
  • นอกจากเรื่องอาหารการกินของสุนัขแล้ว สิ่งที่ขาดได้เลย ก็คือ การดูแลสุขภาพ ของสุนัขพันธุ์บางแก้ว ดังนี้
  • คุณควรให้สุนัขได้ออกกำลังกาย หรือ พาออกไปวิ่งเล่นข้างนอกบ้าง เพราะสุนัขพันธุ์นี้มีร่างกายแข็งแรง และชอบการเคลื่อนไหวมาก ด้วยเหตุนี้ สุนัขบางแก้วจึงเป็นพันธุ์ที่นิยมนำไปฝึกนั่นเอง
  • การดูแลรักษาความสะอาดของร่างกายสุนัขพันธุ์บางแก้ว คุณควรอาบน้ำให้มันสัปดาห์ละ 1 ครั้ง และดูแลบำรุงเรื่องขนของมันด้วยการใช้แปรงหวีขนด้วย เนื่องจากมันมีขนที่ค่อนข้างหนาและยาว แต่ไม่ควรอาบน้ำให้มันมากเกินไป เพราะอาจทำให้มันเป็นโรคผิวหนังได้


โรคที่ควรระวัง

  • โรคที่ควรระวังของสุนัขพันธุ์บางแก้ว  คือ โรคไข้หัดสุนัข มีลักษณะอาการและวิธีรักษา ดังนี้ลักษณะอาการของโรคไข้หัดสุนัข คือ สุนัขมีไข้ ซึม และเบื่ออาหาร มีน้ำมูก ขี้ตาสีเหลืองแฉะ ต้องรีบเข้ารับการรักษา มีเช่นนั้นสุนัขอาจมีอาการหนักจนถึงขั้นชัก น้ำลายฟูมปาก และไม่สามารถทรงตัวได้ 
  • วิธีการรักษา คือ การเข้าพบสัตว์แพทย์เพื่อฉีดยาปฏิชีวนะและสารบำรุง และให้ภูมิคุ้มกันทำงานได้ดีขึ้น แต่อย่างไรก็ไม่สามารถหายขาดจากโรคนี้ได้ เนื่องจากไม่มีวัคซีนรักษาโดยตรง



ใครที่อยากเลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้คงได้คำตอบกันไปแล้วนะคะ อย่าลืมพาสุนัขของท่านไปฉีดวักซีนป้องกันโรคทุกปี เพื่อให้สุนัขที่คุณรักมีสุขอนามัยที่ดีค่ะ